บทที่ 3
แนวความคิดโครงการ (Concept)
แนวความคิดโครงการ ( Programming Concept )
แนวความคิดโครงการคือ ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบต่างๆที่มีความสาคัญมีประโยชน์ เป็นกลไก มีความสวยงาม หรือมีคุณค่าของโครงการ โดยมีความสัมพันธ์ที่เหมาะสมเหล่านั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของสถาปนิกโดยเน้นเหตุผล และความสาคัญที่ได้มาจากข้อเท็จจริง การกำหนดแนวความคิดโครงการ รวมถึงแนวความคิดในการออกแบบ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 ด้าน ดังนี้
1. แนวความคิดด้านหน้าที่ใช้สอย ( Function Concept )
จากการสรุปข้อมูลที่เกี่ยวข้องและนำมาหาความสัมพันธ์และความสำคัญในส่วนองค์ประกอบต่างๆภายในโครงการ สามารถแบ่งหัวข้อได้ดังนี้
- แนวความคิดที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์
- แนวความคิดที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรม
- แนวความคิดที่เกี่ยวข้องกับระบบการจัดการ
2. แนวความคิดด้านรูปแบบ ( Form Concept )
- การเลือกที่ตั้งโครงการ เป็นการหาที่ตั้งที่เหมาะสมกับโครงการที่สุด สามารถสรุปจาก ข้อมูลพื้นฐานของโครงการใกล้เคียง
- แนวความคิดโครงการด้านจินตภาพ เป็นการกาหนดรูปแบบหรือลักษณธของโครงการ ทั้ง ภายนอกและภายใน
3. แนวความคิดด้านเศรษฐกิจ ( Economic Concept )
เพื่อสรุปนโยบายทางการเงินของโครงการในด้านประสิทธิภาพอาคารและคุณภาพอาคาร
4. แนวความคิดด้านเทคโนโลยี ( Technology Concept )
เป็นการเลือกเทคโนโลยีความเหมาะสมกับลักษณะของโครงการ
3.1 แนวความคิดด้านหน้าที่ใช้สอย ( Function Concept )
แนวความคิดโครงการเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ในหลายปัจจัยของข้อมูลพื้นฐาน ดังนั้นการกำหนดแนวความคิดด้านนี้จะพิจารณาทีละส่วนขององค์ประกอบ และเพื่อให้สอดคล้องกับการกำหนดพื้นที่ใช้สอยในขั้นตอนต่อไป การนำเสนอจึงมีการเรียงลำดับตามองค์ประกอบนี้
- ส่วนโถง ( Common Area )
- ส่วนนมัสการ ( Temple Of Worship )
- ส่วนการศึกษา ( Education Zone )
- ส่วนสามัคคีธรรม ( Fellowship Zone )
- ส่วนพิธีศพ ( Funeral Zone )
- ส่วนพักอาศัย ( Residential Zone )
- ส่วนพักอาศัย ( Residential Zone )
- ส่วนบริหาร ( Office Zone )
- ส่วนบริการ ( Service Zone )
- ส่วนที่จอดรถ ( Parking Zone )
3.1.1 แนวความคิดความสัมพันธ์โครงการ
โครงการโบสถ์แห่งวิถีชีวิต มีรูปแบบกิจกรรมของโครงการที่มีลักษณะโครงการเพื่อการศาสนาและการศึกษาเชิงบูรณาการ ซึ่งแบ่งออกเป็นหลายส่วน เพื่อรองรับความต้องการของชนชาวคริสต์นิกาย Protestant และผู้ที่สนใจเข้ามาชมในโครงการ ที่จะทาให้เกิดการตระหนัก และรู้ถึงความสาคัญของศาสนา ซึ่งสามารถกาหนดแนวความคิดโครงการที่เกิดจากความต้องการได้ 2 ส่วน
1. องค์ประกอบที่เกิดจากความต้องการเบื้องต้นของโครงการ ( Establishing Needs ) เป็นองค์ประกอบที่จาเป็นต้องมีอยู่ในโครงการ เพื่อให้โครงการสามารถทาหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งในการจัดทำกิจกรรม ฝึกฝน อบรม และดำเนินการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ แบ่งส่วนการทางานออกมาได้ดังต่อไปนี้
ส่วนพระวิหาร ( Church Zone ) คือ สถานที่ที่แสดงความเป็นตัวแทนของศาสนาได้อย่างชัดเจนในเชิงการสื่อสัญลักษณ์ ดังนั้นจึงจัดให้ space ของส่วนแสดงมีการเปิดขนาดใหญ่เพื่อที่จะทำให้มองเห็นสิ่งเหล่านั้นได้อย่างชัดเจนที่สุด
ส่วนการศึกษา ( Education Zone ) คือส่วนที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาในด้านการพัฒนาตนเองโดยผ่านตัวกิจกรรมต่างๆ เป็นส่วนที่ใช้ในการศึกษา ทำกิจกรรม จัดสัมมนาทางวิชาการ หรือหาข้อมูล
ส่วนพิธีศพ ( Funeral Zone ) คือส่วนทำพิธีกรรมที่เกี่ยวกับพิธีศพ ดังนั้นจึงจัดให้ space ของส่วนแสดงมีการเปิดขนาดใหญ
ส่วนบริการ ( Restaurant ) คือส่วนอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้โครงการ
ส่วนสามัคคีธรรม ( Fellowship ) คือส่วนที่มีไว้ทำกิจกรรมต่างๆ ภายในโครงการ
ส่วนบริหาร ( Office Zone ) คือส่วนอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้โครงการ
ส่วนบริการ ( Service ) คือ ส่วนที่จัดการเกี่ยวกับการบริการความสะดวก และความสะอาด พร้อมทั้งดูแลซ่อมแซมส่วนต่างๆของโครงการ
3.2 ส่วนองค์ประกอบหลักโครงการ ( Main-Function Zone)
ส่วนศาสนพิธี
สถานที่ที่แสดงความเป็นตัวแทนของศาสนาได้อย่างชัดเจนในเชิงการสื่อสัญลักษณ์ ดังนั้นจึงจัดให้ space ของส่วนแสดงมีการเปิดขนาดใหญ่เพื่อที่จะทำให้มองเห็นสิ่งเหล่านั้นได้อย่างชัดเจนที่สุด
แนวความคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์
แบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ตามลักษณะของกลุ่มผู้ใช้ดังนี้
1. ความสัมพันธ์ทั่วไป ได้แก่การติดต่อของผู้เข้ามาใช้โครงการทั่วไป เพื่อบริการแก่ผู้ใช้กลุ่มนี้จาเป็นต้องสร้างความต่อเนื่องระหว่างส่วนโถงและส่วนพระวิหาร รวมทั้งการติดต่อระหว่างห้องประชาสัมพันธ์ อีกทั้งการจัดจุดทางเข้าออกและเส้นทางทั้งหมดควรเริ่มที่โถงรวมและจบที่โถงรวม จะทาให้การควบคุมเป็นไปได้ง่าย 2.ความสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่ภายในอาคาร ทางติดต่อของเจ้าหน้าที่บางส่วนสามารถใช้ร่วมกับผู้ใช้โครงการได้ เพราะเจ้าหน้าที่ก็ถือเป็นสมาชิกในโครงการ
3. ความสัมพันธ์กับส่วนบริการ การกาหนดเส้นทางที่ชัดเจนสาหรับเจ้าหน้าที่ส่วนการซ่อมบารุง ในบางพื้นที่เจ้าหน้าที่อาจใช้เส้นทางเดียวกันกับผู้ใช้รายอื่นเนื่องจากจุดนั้นเป็นจุดเล็กๆ
Function Diagram ส่วนพระวิหาร ( Church Zone )
รูปภาพที่ 3-1 แสดง Function Diagram ส่วนศาสนพิธี
รูปภาพ 3-2 แสดงในส่วนบริเวณทางเข้าและทางเดิน
ภายในควรมีทางลาดสาหรับคนพิการ
รูปภาพ 3-3 แสดงในพื้นที่บางส่วน ควรมี
แสงธรรมชาติเข้ามาได้ เพื่อ
เป็นการพักผ่อนสายตา
รูปภาพ 3-4 แสดงในพื้นที่บางส่วนของ
โครงการควรมีจุดพักผ่อน
รูปภาพ 3-5 แสดงกิจกรรมบางส่วนที่ไม่ต้องการให้มองเห็น สามารถใช้เนินดินหรือกาแพงทาเป็น เสมือนรั้วกั้นสายตาได้
ส่วนการศึกษา
ส่วนนี้เป็นส่วนที่ส่งเสริมเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเรื่องของศาสนาคริสต์และอื่นๆที่เกี่ยวข้องให้กับนักเรียนนักศึกษาประชาชนทั่วไปเพื่อนาความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับการดาเนินชีวิตประจาวันได้
แนวความคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ส่วนการศึกษาและห้องสมุด
ในส่วนนี้จะมีการแยกทางสัญจรออกจากบริเวณโถงใหญ่ของส่วนอื่นๆ เพราะเป็นกิจกรรมเฉพาะที่ในบางกรณีต้องการความเงียบ และจัดส่วนบริการของส่วนนี้แยกออกมาต่างหาก
Function Diagram ส่วนศึกษา ( Education Zone )
รูปภาพที่ 3-6 แสดง Function Diagram ส่วนการศึกษา
แนวคิดเกี่ยวกับกิจกรรม
ส่วนการศึกษาเป็นส่วนที่ต้องการความเงียบสงบ และความเป็นส่วนตัว เพราะฉะนั้นการออกแบบห้องเรียน-ห้องสมุด จาเป็นต้องแยกออกจากส่วนที่จะส่งผลการรบกวนสมาธิ ซึ่งผนังของห้องต้องสามารถป้องกันเสียงรบกวนได้ในระดับหนึ่ง
แนวคิดเกี่ยวกับระบบการจัดการ
รูปภาพ 3-7 แสดงระบบจัดการในห้องสมุดควรมีเครื่อง
Scanเพื่อตรวจเช็คการเข้าออกของคนและ
หนังสือ
รูปภาพ 3-8 แสดงห้องหนังสืออ้างอิงควรอยู่ใกล้
กับส่วนทางานของบรรณารักษ์เพื่อ
ความสะดวกในการดูแล
รูปภาพ 3-9 แสดงจุดอ่านหนังสือประเภท
วารสารหนังสือพิมพ์ที่ควรอยู่ใกล้
ทางเข้าเพื่อสะดวกในการใช้งาน
ส่วนพิธีศพ
ส่วนทำพิธีกรรมที่เกี่ยวกับพิธีศพ ดังนั้นจึงจัดให้ space ของส่วนแสดงมีการเปิดขนาดใหญ่
แนวความคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์
เข้าโดยตรงจากที่จอดรถ และประกอบด้วย VESTIBUTE SANCTUARY STAGE - สำหรับวางศพ พวงหรีด มีที่สำหรับญาติพูดอาลัย ศิษยาภิบาลกล่าวเทศนา มีMUSIC เป็นห้องอยู้ข้างเวทีสามารถมองเห็นภายในส่วนประกอบพิธีได้ มีทางสำหรับเคลื่อนย้ายศพ ที่จอดรถบริเวณรถขนศพ
Function Diagram ส่วนพิธีศพ ( Education Zone )
รูปภาพที่ 3-10 แสดง Function Diagram ส่วนพิธีศพ
แนวคิดเกี่ยวกับระบบการจัดการ
รูปภาพ 3-11 แสดงในส่วนบริเวณทางเข้าและทาง
เดิน ภายในควรมีทางลาดสำหรับคนพิการ
รูปภาพ 3-12 แสดงในพื้นที่บางส่วน ควรมี
แสงธรรมชาติเข้ามาได้ เพื่อ
เป็นการพักผ่อนสายตา
รูปภาพ 3-13 แสดงในพื้นที่บางส่วนของ
โครงการควรมีจุดพักผ่อน
3.3 ส่วนองค์ประกอบรองโครงการ ( Sub-Function Zone)
ส่วนสามัคคีธรรม
ส่วนที่มีไว้ทำกิจกรรมต่างๆ ภายในโครงการ พบสังสรรค์ ระหว่างสมาชิก ทำกิจกรรมร่วมกัน มีการซ้อมเพลง ซ้อมดนตรี มีการเล่นเกมส์ มีการประชุมรวมคริสตจักร
Function Diagram ส่วนสามัคคีธรรม ( Fellowship Zone )
รูปภาพที่ 3-14 แสดง Function Diagram ส่วนสามัคคีธรรม
แนวคิดเกี่ยวกับกิจกรรม และ การจัดการ
รูปภาพ 3-15 แสดงการที่ควรทาทางลาดเพื่อสะดวกใน
การขน-ย้ายของในส่วนบริการ
รูปภาพ 3-16 แสดงในส่วนบริการที่ไม่ได้
ใช้ระบบปรับอากาศ ควรมี
ส่วนเปิดโล่งเพื่อทาให้
อากาศถ่ายเท
รูปภาพ 3-17 แสดงในส่วนขน-ย้ายควรทาเป็น
Stepเพื่อสะดวกในการขนย้าย
รูปภาพ 3-18 เส้นทางในการบริการในส่วนนี้
จะแยกออกจากเส้นทางปกติ
เพื่อไม่ให้เกิดมุมมองที่ไม่ต้อง
การต่อโครงการอันเนื่องมาจาก
รูปภาพ 3-19 ในการแสดงนั้นผู้ชมต้องสามารถ
ที่จะรับรู้ถึงเรื่องราวที่แสดงทั้งใน
เรื่องของการแสดงและเทคนิค ต่างๆ
ได้อย่างครบถ้วนและไม่ แตกต่างกันในเรื่องของการเข้าชม
รูปภาพ 3-20 ความต้องการในการใช้แสงของ
การแสดงต้องการที่จะควบคุมใน
เรื่องของปริมาณของแสงในการ
ควบคุมอารมณ์ของผู้ชมให้มี ส่วนร่วมไปกับเรื่องราวมากขึ้น
รูปภาพ 3-21 การรักษาความปรอดภัยในส่วน
นี้จะเป็นการใช้กล้องโทรทัศน์
วงจรปิดเป็นหลัก โดยภายนอก
การแสดงจะมีเจ้าหน้าที่รักษา
ความปลอดภัยประจำอยู่
ระบบเวลา
ในการเปิดแสดงให้เข้าชมนั้นไม่มีการจากัดเวลาในการแสดงเป็นรอบ แต่จะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่คริสตจักรเปิดทาการ จนถึงเวลาคริสตจักรปิด เนื่องจากพื้นที่ส่วนนี้ไม่ได้รองรับผู้เข้าชมจานวนมาก เพราะจะมีแค่สมาชิก กับ ผู้ที่สนใจเท่านั้นที่จะเข้าไปใช้พื้นที่ส่วนนี้
รูปภาพที่ 3-22 แสดง Function Diagram ส่วนบริการ
แนวคิดเกี่ยวกับกิจกรรม
ในส่วนบริการนี้เป็นกิจกรรมแบบรวมกลุ่ม โดยสามารถแยกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือส่วนบริการทั่วไป ส่วนงานระบบ งานระบบแต่ละประเภทต้องการพื้นที่ในการวางตาแหน่งที่แตกต่างกัน จึงต้องเตรียมพื้นที่ที่เหมาะสมในแต่ละส่วนของงานระบบ
แนวคิดเกี่ยวกับระบบการจัดการ
ระบบรักษาความปรอดภัย
ต้องมี รปภ. รักษาการณ์คอยดูแล ในส่วนรับ – ส่งของและตรวจคราบุคคลที่เข้ามาในส่วนนี้ จะมีเพียงเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในส่วนนี้เท่านั้นที่จะเข้ามาได้ เพื่อความสะดวกในการทางานและควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ในส่วนนี้
ระบบสัญจร
ในส่วนบริการอาคารมีการสัญจรแบบแยกชัดเจน คือ ในส่วนของงานระบบ การสัญจรจะใช้ได้เฉพาะพนักงานที่รับผิดชอบเท่านั้น จะไม่มีการปะปนกับงานอื่นๆ และในส่วนของเส้นทาง SERVICE ก็จะเป็นเส้นทางที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการเป็นผู้ใช้และจะไม่ปะปนกับบุคคลภายนอก ผู้ที่จะสามารถเข้ามาในพื้นที่ส่วนนี้ได้จะต้องได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น
ระบบการเก็บและส่งของ
ส่วนบริการอาคารเป็นส่วนที่ดูแลความเรียบร้อยของอาคาร รวมทั้งเรื่องความสะอาดและขยะมูลฝอยของโครงการจึงมีการจัดระบบการขนส่งและการจัดเก็บขยะมูลฝอยภายในโครงการ โดยการจัดเก็บจะนาขยะออกทาง SERVICE โดยจะมีห้องเก็บขยะที่แยกระหว่างขยะเปียก ขยะแห้งและขยะที่เป็นสารเคมีอันตราย โดยมีการควบคุมอุณหภูมิเพื่อป้องกันการกระจายเชื้อโรค และกลิ่นเหม็นรบกวน
ส่วนจอกรถ ( Parking Zone )
แนวความคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์
ส่วนจอดรถเป็นส่วนบริการของโครงการเพื่อใช้จอดรถสาหรับบุคลากร และผู้เข้ามาใช้บริการโครงการตลอดจนส่วนบริการส่งของต่างๆ โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปรอดภัยเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อยของระบบการจราจรภายในโครงการ และการตรวจตราผู้เข้า – ออกโครงการ
1. ส่วนจอดรถบุคคลทั่วไป เป็นส่วนจอดรถสาหรับผู้มาใช้บริการโครงการ ที่เป็นกลุ่มลูกค้าซึ่งจาเป็นจะต้องมีความสัมพันธ์กับ Plaza ทางด้านหน้ามากที่สุด เพื่อเป็นตัวจ่ายผู้ใช้โครงการไปยังส่วนต่างๆ ภายในโครงการต่อไป
2. ส่วนจอดรถบุคลากรภายในโครงการ จะมีความสัมพันธ์กับส่วนบริหารโครงการโดยตรง เพราะเป็นส่วนที่ให้บริการที่จอดรถสาหรับเจ้าหน้าที่และพนักงานของโครงการ อีกทั้งยังให้บริการแก่บุคคลภายนอกที่เข้ามาติดต่อโครงการกับฝ่ายบริหารโครงการอีกด้วย
3. ส่วนที่จอดรถบริการ มีความสัมพันธ์กับในส่วนของบริการโครงการ โดยใช้เป็นเส้นทาง SERVICE ในการขนส่งของของการจัดนิทรรศการ อุปกรณ์ต่างๆ อาหาร ของที่ระลึก และ วัสดุต่างๆ รวมไปถึงเป็นเส้นทางในการขนส่งขยะของเสียออกจากโครงการ
3.4 แนวความคิดด้านรูปแบบ ( Form Concepts )
แนวความคิดด้านรูปแบบแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ
3.4.1 หลักเกณฑ์การเลือกที่ตั้งของโครงการ
- พื้นที่ตั้งและสภาพแวดล้อม (Site and Environment)
เป็นการศึกษาข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ตั้งโครงการโดยศึกษาลักษณะและทาเลที่ตั้งจากกรณีศึกษา (Case Study) และนาไปกาหนดเป็นหลักเกณฑ์การเลือกพื้นที่โครงการ
- กลุ่มเป้าหมาย (User Target Group)
เนื่องจากโครงการนมัสการสถานคริสเตียนเป็นโครงการเฉพาะกลุ่มที่มุ่งเน้นในการให้บริการด้านทางศาสนา ผู้ใช้โครงการส่วนจึงใหญ่เป็น ชนชาวคริตสนิกายโปแตสแตน นิสิต นักศึกษาและผู้สนใจ การเลือกที่ตั้งควรอยู่ในกรุงเทพ ฯ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่เพิ่มจานวนขึ้น เพราะสถานศึกษาที่ประกอบพิธีของชนชาวคริตสนิกายโปแตสแตนยังมีจานวนน้อย
- ความสะดวกในการเข้าถึง (Accessibility)
ความสะดวกในการเข้าถึง ต้องอยู่ในตาแหน่งที่เหมาะสมเข้าถึงได้สะดวก รวดเร็ว สามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางคมนาคมหลัก และรองรับการขยายตัวของบริเวณโดยรอบในอนาคต
- ความสัมพันธ์กับโครงการที่เกี่ยวข้อง (Linkage)
เนื่องจากเป็นโครงการที่ให้บริการด้านการให้ใช้พื้นที่ในการทากิจกรรมเฉพาะกลุ่ม ที่ตั้งของโครงการควรอยู่ใกล้แหล่งเป้าหมายหรือเป็นแหล่งที่มีกิจกรรมใกล้เคียงสนับสนุน เพื่อความต่อเนื่องของกิจกรรม ของผู้มาใช้โครงการมากที่สุด
- แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน (Land Used)
ที่ตั้งโครงการจะต้องไม่อยู่ในพื้นที่ที่มีแนวโน้มในการเปลี่ยนแปลงในการจากัดเขตการใช้ที่ดิน และไม่อยู่ในพื้นที่ที่มีแนวโน้มในการเวนคืนเพราะจะสร้างความเสียหายให้กับโครงการ
- การขยายตัวในอนาคต (Future Extensions)
เนื่องจากโครงการนมัสการสถานคริสเตียนเป็นโครงการเฉพาะกลุ่มที่มุ่งเน้นในการให้บริการด้านทางศาสนา ผู้ใช้โครงการส่วนจึงใหญ่เป็น ชนชาวคริตสนิกายโปแตสแตน นิสิต นักศึกษาและ ผู้สนใจ ซึ่งในปัจจุบันได้มีจานวนเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่ง มาจากการเติบโตของสภาพสังคม ดังนั้นโครงการจึงต้องมีการขยายตัวในอนาคตเพื่อรองรับกับจานวนผู้ที่สนใจที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี
- ราคาที่ดิน (Land Cost)
เนื่องจากโครงการนมัสการสถานคริสเตียนเป็นโครงการของภาครัฐฯแต่ปกครองด้วยตนเองเหมือนวัดไทย ซึ่งมุ่งเน้นการให้ความรู้ทางศาสนาและเป็นพื้นที่ของชนชาวคริตส ที่ตั้งโครงการควรตั้งอยู่ใกล้แหล่งชุมชน ราคาที่ดินบริเวณนั้นจึงมีราคาสูงมาก เห็นได้จากกรณีศึกษาที่ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณรอบตัวเมือง
- การใช้ที่ดิน (Land Use)
เนื่องจากโครงการต้องอาศัยแหล่งชุมชนและแหล่งที่มีกิจกรรมที่ใกล้เคียงกัน เช่น โรงเรียนของศาสนาคริตส โรงพยาบาลของชนชาวคริตส ดังนั้นในการเลือกทาเลที่ตั้งควรอยู่ในแหล่งที่มีกิจกรรมสนับสนุนและเกี่ยวเนื่องกัน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รองรับการขยายตัวจากศูนย์กลางเมือง พื้นที่นี้จึงมีแนวโน้มการขยายตัวทางกายภาพ
- การคมนาคมและการสัญจร (Transportation and Traffic)
การจราจรและการขนส่งควรมีการเอื้ออานวยต่อบริเวณที่ตั้งโครงการ เพื่อให้สามารถเข้าถึงโครงการได้ง่าย เช่น มีรถไฟฟ้า รถประจาทางผ่านหลายสายและมีถนนสายหลักผ่าน
- สภาพโดยรอบบริเวณ (Surroundings)
การเลือกที่ตั้ง ควรคานึงถึงสภาพโดยรอบบริเวณของโครงการเนื่องจากมีผลกระทบโดยตรงต่อโครงการ จึงควรให้มีความสอดคล้อง ในด้านกายภาพและกิจกรรมที่เกิดขึ้นในโครงการให้มีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมโดยรอบของโครงการ
- ทิวทัศน์ (View form Site)
ลักษณะของโครงการโดยทั่วไป เป็นโครงการที่ไม่เน้นรูปแบบของอาคาร แต่มีการออกสัญาลักษณ์ให้ดูรู้ว่าเป็นสถานประกอบพิธี ในการตกแต่งภายนอกและภายในนั้นควรให้มีความเหมาะสมและมีความสอดคล้องกับกิจกรรมการใช้สอยภายในอาคาร ซึ่งในโครงการมีส่วนการประกอบพิธีที่ต้องการพื้นที่เปิดโล่งในการทากิจกรรมต่าง ๆ ดังนั้นจึงควรมีการแบ่งส่วนกิจกรรมการใช้สอยทั้งสองให้แยกจากกันเพื่อให้มีการรับรู้ถึง Space
- การมองเห็นและลักษณะการเชื้อเชิญ (Approach and Invitation)
เนื่องจากเป็นโครงการที่เน้นการเผยแพร่ความรู้ จึงควรทาให้มีการมองเห็นอาคารและพื้นที่ตั้งอย่างชัดเจนและตาแหน่งที่เข้าถึงโดยง่ายทาให้เกิดความรู้สึกเชื้อเชิญอยากเข้ามาใช้โครงการ หลักเกณฑ์ที่กล่าวมานี้มีความสาคัญต่อการพิจารณาเลือกทาเลที่ตั้งโครงการต่อไป จึงมีความจาเป็นจะต้องนามาวิเคราะห์โดยมีระดับการให้ความสาคัญ ต่างกันไป โดยการอ้างอิงหัวข้อจากตารางบทที่ 2 จึงให้ความเหมาะสมดังนี้
หลักเกณฑ์ในการเปรียบเทียบที่ตั้ง ( Criteria for Site Selection )
แสดงตารางที่ 3-1 การเปรียบเทียบหัวข้อการเลือกที่ตั้ง
3.4.2 แนวความคิดโครงการ ด้านจินตภาพ ( Image Concepts )
รูปทรงอาคาร ( Form )
แนวคิดทางด้านจินตภาพโครงการ คือลักษณะหรือรูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่สอดคล้องกับผู้ใช้กิจกรรม ที่ตั้ง งบประมาณ และเทคโนโลยีของโครงการ เป็นแนวความคิดทางด้านจินตภาพที่นาไปใช้เป็นแนวทางในการออกแบบ ( Design Considerations ) ที่เกี่ยวข้องกับจินตภาพโครงการ ที่เกี่ยวข้องกับรูปทรง รูปร่างของอาคาร ความสูง และสไตล์ เป็นต้น ซึ่งในการกาหนดจินตภาพของโครงการนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ
- จินตภาพภายนอกโครงการ
- จินตภาพภายในโครงการ
สร้างที่ว่างในแต่ละส่วนของโครงการให้เหมาะสมกับกิจกรรมของผู้มาใช้โครงการที่เกิดขึ้นในแต่ละส่วนนั้นๆ
ที่ว่างภายในโครงการ ( Space )
ที่ว่างภายในโครงการต้องสามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่างที่ว่างภายในกับสภาพแวดล้อมภายนอกได้ มีลาดับในการเข้าถึงเป็นส่วนๆไป ในส่วนพื้นที่เอนกประสงค์นั้นถูกจัดวางไว้ตรงกลางเพื่อการกระจายทิศทางออกสู่ภายนอก และพื้นที่ภายนอกสามารถเข้าสู่ภายในได้อยากง่ายด้าย เนื่องจาก
3.3 แนวความคิดทางด้านเศรษฐศาสตร์ ( Economy Concepts )
3.3.1 ประสิทธิภาพของอาคาร ( Building Efficiency )
ประสิทธิภาพอาคารคือ อัตราส่วนพื้นที่สุทธิ กับ พื้นที่รวมของอาคาร
- พื้นที่ใช้งานสุทธิ คือพื้นที่รวมของทุกๆชั้น พื้นที่ใช้สอยที่ต้องการตามโปรแกรม
- พื้นที่สนับสนุน คือพื้นที่ทุกๆ พื้นที่นอกเหนือจากการใช้งาน
- สัดส่วนประสิทธิภาพอาคาร คือสัดส่วนร้อยละของพื้นที่สนับสนุนต่อพื้นที่ใช้งานสุทธิ มี 3 ระดับคือ
1. ระดับดีมาก อัตราส่วน 40-50% ของพื้นที่ทั้งหมด
2.ระดับปานกลาง อัตราส่วน 30% ของพื้นที่ทั้งหมด
3.ระดับประหยัด อัตราส่วน 20% ของพื้นที่ทั้งหมด
ตารางที่ 3-2 แสดงสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยพอสังเขป
3.3.2 คุณภาพของอาคาร ( Building Quality )
โครงการนมัสการสถานคริตสเตียน เป็นโครงการที่มีคุณภาพ แตกต่างกันออกไป ตามกิจ กรรมการใช้งาน สามารถแบ่งได้ดังนี้
ส่วนพระวิหาร
เป็นส่วนที่มีผู้ใช้หลัก ภายในส่วนนี้ เป็นส่วนที่ใช้ประกอบพิธีรองรับคน ปริมาณมาก และต้องรับน้าหนักมาก จึงต้องมีคุณภาพสูงสุด
ส่วนการศึกษา
เป็นส่วนสาหรับ เจ้าหน้าที่ภายในโครงการ ผู้คนภายนอกเข้ามาติดต่อเป็นครั้งคราว แต่การตกแต่ง ภายใน ควรสร้างบรรยากาศของการทางาน เพื่อทาให้ พนักงานไม่เบื่อหน่ายต่อการบริการ คุณภาพต้องดี ประกอบกับมีการเรียนการสอน
ส่วนสามัคคีธรรม
เป็นส่วนที่มีคนใช้บริการมากเป็นอีก ส่วนรวมทั้งบุคคลจากภายนอกโครงการ และภายใน ต้องคำนึงถึงเรื่องความสะอาดเป็นหลัก ระดับคุณภาพดี
ส่วนพิธีศพ
ภายในส่วนนี้ เป็นส่วนที่ใช้ประกอบพิธีรองรับคน ปริมาณมาก และต้องรับน้าหนักมาก จึงต้องมีคุณภาพสูงสุด
ส่วนจอดรถ
เป็นพื้นที่เปิดโล่งและใช้ ต้นไม้ เป็นที่บังแดด ระบบทางเดินรถ แบบ TWO WAYS เพื่อความปลอดภัยแก่ผู้ที่เข้ามาใช้ภายในโครงการ
ตารางที่ 3-3 จำแนกการก่อสร้างตามองค์ประกอบโครงการระดับคุณภาพ
3.4 แนวความคิดด้านเทคโนโลยีอาคาร ( Building System )
ระบบอาคาร ( BUIDING SYSTEM )
ระบบเสาและคาน ( POST AND BEAM SYSTEM ) เป็นระบบที่เหมาะกับอาคารไม่สูงมาก รองรับน้าหนักได้มาก ก่อสร้างง่ายราคาประหยัด SLAB ON BEAM ส่วนนี้ไม่ต้องมีช่วงเสากว้างมาก เพราะส่วนที่ใช้ในช่วงเสาจะสิ้นเปลืองและส่วนที่มีช่วงเสาไม่สม่าเสมอ มีราคาถูก ก่อสร้างง่าย
ระบบพื้น ( FLOOR SYSTEM ) FLATPLATE ใช้ในส่วนพื้นที่โล่งมาก สาหรับการจัดกิจกรรม เช่น ส่วนพระวิหาร
ระบบผนัง ( WALL SYSTEM ) ผนังเบา ใช้ในหลายๆส่วนภายในโครงการ สะดวกในการติดตั้ง ช่วยระบายความร้อนได้ดี ราคาไม่แพง ติดตั้งง่าย ผนังกระจก ใช้ในส่วนที่ต้องการนาแสงธรรมชาติเข้ามาใช้ สร้างความต่อเนื่องจากภายนอกเข้าสู่ภายใน ตัดทอนความหนาของอาคาร ทาให้อาคารบางเบา
ระบบหลังคา ( ROOF SYSTEM )
1. โครงสร้าง TRUSS และ SPACE FRAME ใช้ในส่วนที่ต้องการพื้นที่โล่ง กว้างมาก
2. ระบบ SLAB ใช้ในส่วนที่ไม่เข้ากับรูปทรงของอาคาร ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีมาก
ระบบปรับอากาศ ( AIR CONDITION SYSTEM )
1. SPLIT TYPE ใช้สาหรับเวลาที่แตกต่างกัน ในพื้นที่ขนาดเล็ก หรือเป็นห้อง เช่นส่วน การศึกษา
2. ระบบระบายอากาศแบบธรรมชาติ ในที่ๆมี พื้นที่กว้างๆ ทางสัญจร บันได ส่วนโถง
ระบบไฟฟ้ากาลัง ( ERICTRIC SYSTEM )
ภายในโครงการมีการใช้ไฟเป็นจานวนมากและเป็นเวลานาน จึงแบ่งระบบไฟฟ้าเป็น2ส่วน ระบบไฟฟ้าสารอง
1.ระบบไฟฟ้าฉุกเฉินแบบดีเซล ทางานอัตโนมัติ หลังไฟดับภายใน 10 นาที โดยจะเดินเครื่อง จ่ายกระแสไฟฟ้า และมีสวิตซ์ สลับเปลี่ยนการจ่ายไฟ
2.ระบบแสงสว่างฉุกเฉิน แบบเบตเตอรี่ โดยตั้งอยู่บริเวณสาคัญ เช่นป้ายหนีไฟ บันไดหนีไฟ ตาแหน่งของห้อง GENERATER ควรอยู่ในที่ระบายอากาศ มีต้นไม้เพื่อช่วยในการดูดซับเสียง เนื่องจากเครื่องมีเสียงที่ดัง
ระบบป้องกันอัคคีภัย ( FIRE PROTECTION AND EXTINGUISH )
1. ระบบ SPRINKER ในส่วนที่จะไม่เกิดความเสียหายกับวัสดุ เช่น ส่วน บริหาร บริการ
2. ระบบสายฉีด ในส่วนที่มีพื้นที่กว้างมาก
3. ระบบสารเคมี ในส่วนที่เก็บ สิ่งพิมพ์ โสตวัสดุ คอมพิวเตอร์
4. ถังดับเพลิงประจาตาแหน่ง
ระบบสุขาภิบาล
1. ใช้น้าประปา FEED UP ในส่วนต่างๆ ของโครงการเพราะเป็นโครงการที่มีอาคารสูง
2. ระบบบาบัดน้าเสียแบบเติมอากาศ เพราะโครงการไม่มีสิ่งปฏิกูลมาก สะดวกในการดูแล
ระบบโทรศัพท์ ( TELEPHONE SYSTEM )
1. ระบบโดยรวมของโครงการ ใช้ระบบที่เชื่อมโยงจาก องค์การโทรศัพท์และจ่ายไปยังตู้สาขา เพื่อจัดระบบหมายเลข จากนั้นส่งไปยังแผงควบคุมส่วนต่างๆ ภายในโครงการ
2. ระบบในส่วนบริการ มีทั้งระบบตู้ โทรศัพท์สาธารณะ แก่บุคคลทั่วไป
ระบบรักษาความปลอดภัย
ใช้ระบบ กล้องวงจรปิด CCTV ในการตรวจดูความเรียบร้อย และใช้ในพื้นที่ โล่งกว้าง หรือในส่วนที่ยาก ต่อการ ดูแล
ระบบดูดซับเสียง
ใช้ทั้งแบบแผ่นสาเร็จรูป และแบบพ่น ในส่วนที่ต้องการซับเสียง เช่น ส่วนประชุม สัมมนา


























ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น